เศรษฐกิจประเทศปานามาในรอบ 10 ปี
-
ที่ตั้งเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิก เป็นศูนย์พาณิชยกรรมการเดินเรือและกระจายสินค้า ศูนย์การให้บริการทางการเงินและการประกันภัยที่สำคัญในอเมริกากลาง
-
บริการรับจดทะเบียนเรือและบริการด้าน logistics ให้แก่ทั่วโลก
-
ทรัพยากรสำคัญ ทองแดง ป่าไม้ กุ้ง ไม้มะฮอกกานี พลังงานน้ำ
-
อุตสาหกรรมหลัก ภาคการก่อสร้าง ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง น้ำตาล เครื่องดื่ม
-
สินค้าส่งออกที่สำคัญ ผลไม้ ถั่ว สัตว์น้ำ เหล็กและเศษเหล็ก ไม้
-
สินค้านำเข้าที่สำคัญ เชื้อเพลิง เครื่องจักรกล ยานยนต์ เหล็กและเหล็กกล้า เวชภัณฑ์
-
ตลาดส่งออกที่สำคัญ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี จีน คอสตาริกา เนเธอร์แลนด์ เวียดนาม
-
ตลาดนำเข้าที่สำคัญ สหรัฐอเมริกา จีน เม็กซิโก
-
จำนวนประชากรในปี2018 4,176,873
-
GDP $65.206 billion (nominal, 2018)
-
$106.775 billion (PPP, 2018 )
-
GDP growth -5.0% (2016) 5.3% (2017)
-
Increase $15,679 (nominal, 2018 est.)
-
Increase $25,675 (PPP, 2018 est.) 3.7% (2018), 5.0% (2019)
เศรษฐกิจของปานามาเป็นเศรษฐกิจที่มีรายรับและมีรายได้สูง โดยมีอัตราเงินเฟ้อต่ำ เศรษฐกิจของประเทศปานามาขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมบริการเป็นหลัก โดยให้น้ำหนักไปกับอุตสาหกรรมธนาคารการพาณิชย์และการท่องเที่ยว เศรษฐกิจของปานามามีพื้นฐานมาจากภาคบริการซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 80% ของ GDP อุตสาหกรรมภาคการบริการเหล่านี้รวมถึง การจัดการคลองปานามา, ธนาคาร, เขตการค้าเสรีColón, ประกันภัย, พอร์ตตู้คอนเทนเนอร์, การแพทย์และสุขภาพและธุรกิจอื่น ๆ ยังมีอุตสาหกรรมของประเทศ เช่นการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่เครื่องบิน ซีเมนต์เครื่องดื่ม กาวและสิ่งทอ นอกจากนี้ยังมีการส่งออกด้วย กล้วย,กุ้งน้ำตาล,กาแฟและเสื้อผ้า
ข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี
ในเดือนพฤษภาคม 2009 Ricardo Martinelli ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ภายใต้การรัฐบาลของมาร์ติเนลลี ได้มีการส่งเสริมการค้าเสรี สร้างระบบรถไฟใต้ดินในเมืองปานามา มีระบบการดูแลสุขภาพ และมีการสร้างคลอง Martinelli และยังเน้นถึงความสำคัญของการเปลี่ยนปานามาให้เป็นประเทศที่ปลอดภัยทันสมัยและสนับสนุนการพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของประชากรผ่านการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบ ยังการปฎิรูปเพิ่มเติม ประธานาธิบดีริคาร์โด้ มาร์ติเนลลี ได้สัญญาว่าจะใช้ระบบภาษีแบบเรียบ ที่มีภาษีคงที่ 10% ซึ่งสัญญาว่าจะเพิ่มรายได้ ควบคุมเงินเฟ้อและจะเพิ่มค่าแรง มีการเพิ่มภาษีการขาย 7% จาก 5% เช่นเดียวกับการเพิ่มภาษีอื่น ๆ เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากทั่วประเทศ ปานามาประสบความเจริญทางเศรษฐกิจภายใต้ประธานาธิบดีริคาร์โด มาร์ติเนลิ โดยอดีต Martinelli เป็นนักธุรกิจมืออาชีพและนักลงทุนมืออาชีพ การปกครองของรัฐบาลนำพาปานามาเจริญก้าวหน้าภายใต้แผนFirst World Panama และภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลปานามาได้ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อความก้าวหน้าของวาระการประชุมนั้น
เศรษฐกิจของปานามาส่วนใหญ่เน้นธุรกิจการธนาคารและการพาณิชย์มากกว่าการท่องเที่ยว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนใจเรื่องของการท่องเที่ยว ปานามาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดึงความสนใจนักท่องเที่ยว ปานามาเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ดำรงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญ จำนวนชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น เนื่องจากการท่องเที่ยวในปานามานั้นไม่แพงและเหมาะกับการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีสัดส่วนประมาณ 9% ของ GDP ปานามาเป็นประเทศที่ก้าวหน้าที่สุดในภูมิภาคอเมริกากลางและเป็นหนึ่งในเขตการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเนื่องจากมีภูมิศาสตร์ที่ดีและรวมถึงมีคลองปานามา
เศรษฐกิจของปานามาเติบโตได้ดีกว่า 10% ในปี 2009 ในปี 2010 แม้จะเกิดวิกฤติการเงินโลก แต่ก็ยังมีการขยายตัว 7.7% และอัตราการเติบโตกลับมามากกว่า 10% ในปี 2011 และ 2012 และประมาณ 7% ถึง 8% ในปี 2014 และ 2015
การเปลี่ยนแปลงในประเทศนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา แสดงให้โลกเห็นว่าปานามารู้วิธีที่จะนำสินทรัพย์ของประเทศไปใช้ให้เกิดประโยชน์และด้วยเหตุนี้ทำให้ประเทศยืนหยัดอยู่ได้ นอกจากนี้ปานามายังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นสถานที่น่าดึงดูดที่สุดของโลก แม้จะมีปัญหาเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่องแต่ปานามาก็ยังเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองที่มีเสถียรภาพและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะปานามามีระบอบประชาธิปไตยที่ดี เป็นเวลา 14 ปีแล้วที่ชาวอเมริกันออกจากและส่งมอบการควบคุมและการจัดการคลองปานามาให้แก่ชาวปานามา คลองปานามายังคงมีส่วนช่วยอย่างมากต่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของปานามา การขยายตัวของโครงการมูลค่า 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังสร้างงานได้ 7,000 งาน - 95% สำหรับชาวปานามาและลดอัตราการว่างงานลงอย่างมาก
การเติบโตในปานามาในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (3.7 ในปี 2018 เทียบกับ 6 เปอร์เซ็นต์ในปี 2019) ประเทศติดอันดับเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับสองในลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ในสภาพแวดล้อมที่การลงทุนสาธารณะสูงและการลงทุนภาคเอกชนยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามในบริบทระดับโลกที่มีการแข่งขันสูงขึ้น เศรษฐกิจมีพื้นฐานมาจากการจราจรผ่านคลองและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเติบโตอาจได้รับผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศที่ยืดเยื้อหรือการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปานามามีความก้าวหน้าที่สำคัญในการลดความยากจนในปีที่ผ่านมา การเติบโตทางเศรษฐกิจและการถ่ายโอนสาธารณะได้ช่วยลดความยากจนลงอย่างมาก ระหว่างปี 2015 ถึง 2017 ความยากจนลดลงจาก 15.4 เป็น 14.1 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่คนที่ยากจนขั้นรุนแรงลดลงเล็กน้อยจาก 6.7 สู่ระดับ 6.6 เปอร์เซ็นต์ แม้จะมีกำไรจากการลดความยากจน แต่ความแตกต่างในภูมิภาคยังคงมีอยู่ ความยากจนมีอยู่ทั่วไปในพื้นที่ชนบท ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของคนพื้นเมือง การเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานยังไม่เต็มที่และยังคงเชื่อมโยงกับปัจจัยต่างๆ เช่น ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ระดับการศึกษา เชื้อชาติและระดับรายได้ของครัวเรือน ตัวอย่างเช่น อัตราการตายของมารดาของผู้หญิงพื้นเมืองสูงถึงห้าเท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยสำหรับผู้หญิงในประเทศ (462 เทียบกับ 80 ต่อการเกิด 100,000 ครั้ง)
การเติบโตอย่างยั่งยืนและต่อเนื่องในระยะปานกลางถึงระยะยาวนั้นจะต้องมีการแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ เหล่านี้รวมถึงการปรับปรุงการศึกษาและทักษะในประเทศเช่นเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
แผนพัฒนายุทธศาสตร์ 5 ปีของรัฐบาล
2015-2019 วางอยู่บนเสาหลักความสามารถในการแข่งขัน โดยมี 5 ส่วนที่สำคัญ
-
เพิ่มผลผลิตและการเติบโตที่หลากหลาย
-
การยกระดับคุณภาพชีวิต
-
การเสริมสร้างทุนมนุษย์
-
การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
-
ปรับปรุงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมรวมถึงการจัดการ
ภาคส่วนเศรษฐกิจ
ภาคการบริการทางการเงิน
ปานามามีภาคบริการทางการเงินที่สำคัญและไม่มีธนาคารกลางที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้กู้เพื่อช่วยเหลือธนาคารที่ประสบปัญหา เป็นผลให้ธนาคาร Panamanian ดำเนินการอย่างระมัดระวังโดยมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 15.6% ในปี 2012 เกือบสองเท่าของกฎหมายขั้น ภาคส่วนมีการพัฒนาและเติบโตขึ้นมาเพื่อจัดหาเงินทุนการค้าเพื่อการค้าผ่านคลองและต่อมาพัฒนาเป็นการฟอกเงินเพื่อการค้ายาเสพติดภายใต้ Noriega นับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วโลกในปี 2007-2008 ประเทศพยายามกอบกู้ชื่อเสียงของประเทศในฐานะที่เป็นผู้เก็บภาษี มีการลงนามในสนธิสัญญาการเก็บภาษีซ้อนกับหลาย ๆ ประเทศ (ส่วนใหญ่เป็นประเทศใน OECD) และในเดือนเมษายน 2011 ได้ลงนามสนธิสัญญาแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินกับสหรัฐอเมริกา
ภาคเกษตรกรรม
ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สำคัญของปานามา ได้แก่ กล้วย, เมล็ดโกโก้, กาแฟ, มะพร้าว, ซุง, เนื้อวัว, ไก่, กุ้ง, ข้าวโพด, มันฝรั่ง, ข้าว, ถั่วเหลืองและอ้อย ปี2009 การเกษตรและการประมงทำให้ขึ้นGDPของปานามาสูงขึ้น7.4%
ปานามาเป็นผู้นำเข้าอาหารสุทธิ โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นซัพพลายเออร์หลัก เกษตรเป็นอาชีพที่คนปานามาจำนวนมากทำ (ภาพประเทศปานามาส่วนต่างๆของประเทศทำประกอบอาชีพอะไรบ้าง)
การเก็บภาษี
ภาษีอากรในปานามาซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของการคลัง โดยภาษีที่ใช้กับรายได้หรือกำไรที่ได้จากการทำธุรกิจในปานามาเท่านั้น พวกสำนักงานขายหรือการบริการต่างๆในปานามาที่มีการออกใบแจ้งหนี้ธุรกรรมภายนอก หากธุรกรรมต่างๆทำนอกปานามา เงินปันผลที่จ่ายจากรายได้ดังกล่าวก็ไม่ต้องเสียภาษี
ภาคการขนส่ง
ในปานามาซิตี้มีทางหลวงหกสาย ได้แก่ สะพาน Panama-Arraijan จากทวีปอเมริกา,สะพาน Panama-Arraijan Centennial , สะพาน Arraijan-Chorrera , Corredor Norte, Corredor Norte, Corredor Sur และ Autopista Alberto Motta
ถนนการจราจรและระบบขนส่งของปานามามีความปลอดภัยโดยทั่วไปด้วยสัญญาณไฟจราจรที่สามารถควบคุมได้ ในส่วนของเส้นทางน้ำ 800 กม. มีร่องเรือรางตื้นและยาวไปตามคลองปานามา 82 กม.
และมีล่อสำหรับการจัดการเรือตามล็อคคลองปานามา
ข้อมูลพื้นฐานเศรษฐกิจโดยทั่วไป
ข้อมูลพื้นฐานของประเทศปานามาในปี 2553
ปานามามีผลผลิตรวมของประเทศมูลค่า 4.482 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ รายได้เฉลี่ยต่อหัว 12,397 เหรียญฯ แต่มีประชากรยากจนที่มีรายได้ต่ำกว่ามาตรฐานการยังชีพขั้นนต่ำประมาณร้อยละ 29 อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2553 ร้อยละ 7.5 และอัตราเงินเฟ้อในปีเดียวกันร้อยละ 2.4
เศรษฐกิจของประเทศปานามาได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินของสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากการลงทุนขยายการขุดคลองปานามา ทำให้มีการก่อสร้างและการขยายด้านการบริการมาก องค์การ Panama Economy Insight ได้พยากรณ์ภาวะเศรษฐกิจของปานามาในปี 2554 ว่าจะมีการขยายตัวในอัตราร้อยละ 9.2 ส่วนปี 2555 และ 2556 จะมีอัตราการขยายตัวในอัตราร้อยละ 13 และ 11 ตามลำดับ
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ
ในปลายปี 2553 ประเทศปานามามีเงินทุนสำรองฯ มูลค่า 3.525 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
โครงสร้างการผลิตภายในประเทศ
ภาคเศรษฐกิจที่มีความสำคัญที่สุดของปานามา ได้แก่ ภาคบริการ ซึ่งมีสัดส่วนประมาณสามในสี่ของผลผลิตรวมของประเทศ โดยธุรกิจบริการที่สำคัญ ได้แก่ บริการคลองเดินเรือปานามา บริการธนาคาร บริการเขตพื้นที่การค้าพิเศษปลอดภาษีคอโลน (Colon Free Trade Zone) บริการประกันภัย บริการการท่าขนถ่ายคอนเทนเนอร์ บริการจดทะเบียนเรือ บริการท่องเที่ยว
ภาคเศรษฐกิจที่มีความสำคัญรองลงมาได้แก่ ภาคอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนในผลผลิตรวมประมาณร้อยละ 18 โดยมีกิจกรรมอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ การก่อสร้าง การผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การผลิตซิเม็นต์และวัสดุก่อสร้าง และการผลิตน้ำตาล ภาคเกษตรมีสัดส่วนในผลผลิตรวมร้อยละ 15 มีสินค้าเกษตรที่สำคัญได้แก่ กล้วย ข้าว ข้าวโพด กาแฟ น้ำตาล ผัก ปศุสัตว์ และ กุ้ง
ข้อมูลด้านการลงทุนในประเทศ
การลงทุนจากต่างประเทศในปานามาในปี 2553 มีมูลค่าประมาณ 2.362 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งได้เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ในอัตราร้อยละ 33 ในปี 2553 ได้มีการลงทุนเพื่อทำการขยายคลองปานามาในมูลค่า 5.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลของปานามาจะเริ่มการก่อสร้างรถไฟใต้ดินสายแรกของปานามาในปี 2554 โดยได้จัดสรรเงินลงทุนจำนวน 1.45 ล้านเหรียญสำหรับปีนั้น และจะมีการก่อสร้างเหมืองทองแดงในจำนวนเงินลงทุน 4.320 พันล้านเหรียญฯ และจะมีการปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าโดยมีการลงทุนเป็นระยะในรอบ 6 ปีข้างหน้า นอกจากนี้แล้ว สมาคมโรงแรมแห่งปานามาได้คาดการณ์ว่า จะมีการลงทุนในด้านโรงแรมระหว่างปี 2553-2555 มูลค่า 2.387 ล้านเหรียญ
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ
1. ภาพรวมสถานการณ์ทางการค้าของประเทศปานามา
สำหรับการค้าระหว่างประเทศ ปานามาได้มีการส่งออกในปี 2553 มูลค่า 710.79 ล้านเหรียญฯ มีสินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ กล้วย กุ้ง น้ำตาล กาแฟ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ประเทศที่ส่งออกสำคัญคือ สหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ คอสตาริกา สเปน ไต้หวัน สวีเดน และประเทศ
ส่วนสินค้าที่ประเทศปานามานำเข้าที่สำคัญได้แก่ น้ำมันและเชื้อเพลิง สินค้าทุน สินค้าอาหาร สินค้าบริโภค และเคมีภัณฑ์ โดยในปี 2553 มีมูลค่าการนำเข้ารวม 8.9 พันล้านเหรียญฯ ประเทศแหล่งนำเข้าที่สำคัญได้แก่ สหรัฐฯ ประเทศคอสตาริกา ประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น
2. นโยบาย/มาตรการทางการค้า ทั้งภาษีและไม่ใช่ภาษี
มีภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 5 โดยยกเว้นสำหรับสินค้ายาและเภสัช อาหาร และอุปกรณ์เครื่องเขียน ในด้านการเก็บภาษีนำเข้า เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคละตินอเมริกาแล้ว ปานามาเป็นประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าที่ต่ำที่สุด เฉลี่ยแล้วประมาณร้อยละ 9 นอกจากนี้แล้ว ปานามายังได้แก้ไขปรับปรุงมาตรการทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เช่น ผู้นำเข้าไม่ต้องขอใบอนุญาตการนำเข้า เป็นต้น ปานามามีการอุดหนุนการส่งออก 3 ประเภท คือ Processing Zones (ZPE) Tax Credit Certificate (CAT) และ Official National Industry Registry (ROIN)
3. ความร่วมมือทางการค้ากับต่างประเทศ
ปานามาได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การค้าโลกเมื่อปี ค.ศ. 1997 และมีความตกลงการค้ากับสหรัฐฯ เป็นพิเศษ มีประวัติดั้งเดิมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 เพื่อการพัฒนาคลองเดินเรือ ในปี ค.ศ. 2007 ปานามาได้ลงนามในความตกลงเขตการค้าเสรีกับสหรัฐฯ แต่ยังไม่ได้ผลปฏิบัติ นอกจากสหรัฐฯ แล้ว ปานามาได้ลงนามในความตกลงเขตการค้าเสรีกับกลุ่มประเทศอเมริกากลาง (2010) กับไต้หวัน (2003) สิงค์โปร์ (2006) ชิลี (2006) และแคนาดา (2010) อีกทั้งยังมีความตกลงให้สิทธิพิเศษทางการค้าสำหรับประเทศเม็กซิโก (1985) โคลัมเบีย (1993) และสาธารณรัฐโดมินิกัน (1985)
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับประเทศอื่นๆ
1. ประเทศจีน
ปานามา ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งดำเนินมาอย่างยาวนานกับไต้หวัน เพื่อหันไปสถาปนาความสัมพันธ์กับจีนแทน
รัฐบาลปานามาออกมาประกาศรับรอง "นโยบายจีนเดียว" และระบุว่าไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งของจีน ตามที่จีนมองว่าไต้หวันเป็นจังหวัดหนึ่งที่แยกตัวออกไป และควรจะกลับมารวมเป็นของจีนแผ่นดินใหญ่
ปานามาเป็นประเทศล่าสุด ที่เคยรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันมาตลอด ก่อนที่จะเปลี่ยนข้าง โดยเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ประเทศหมู่เกาะเซาตูเมและปรินซิปี ก็ทำเช่นเดียวกันมาแล้ว ทำให้ขณะนี้เหลือเพียง 20 ประเทศในโลกที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนได้เข้าไปลงทุนในปานามาเพิ่มมากขึ้น โดยประเทศในภูมิภาคอเมริกากลางแห่งนี้ เป็นที่รู้จักดีจากช่องแคบปานามา ซึ่งมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อการตัดสินใจของปานามา และระบุว่าจะไม่แก่งแย่งกับรัฐบาลจีนใน "เกมการทูตที่ใช้เงิน"
การประกาศนี้เกิดขึ้นทั้งที่เมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่ อิง เหวิน ของไต้หวัน เพิ่งจะเดินทางไปเยือนปานามา
เมื่อปี 1971 องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศเปลี่ยนมาเจริญความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน และจากนั้นมาก็มีหลายประเทศที่เปลี่ยนตาม เพื่อไม่ให้เป็นศัตรูกับระบบเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ส่วนประเทศที่ยังคงสนับสนุนไต้หวัน ส่วนใหญ่เป็นประเทศหมู่เกาะขนาดเล็ก ที่อยู่ในอเมริกากลางหรือใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนไม่มากนักในเวลาที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นเรื่องง่ายขึ้นที่รัฐบาลจีนจะโน้มน้าวหลายประเทศให้หันมาอยู่ข้างเดียวกัน เช่น ในกรณีของเซาตูเมที่รัฐบาลไต้หวันประณามความเคลื่อนไหว โดยอ้างว่าเรียกร้องเงินสนับสนุนจำนวนมหาศาล
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปานามา ไม่ได้ให้เหตุผลของการเปลี่ยนข้างทางการทูตครั้งนี้ แต่หลายปีที่ผ่านมา ทางรัฐบาลปานามามีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนมากขึ้น เช่น มีบริษัทของจีนเข้าไปพัฒนาท่าเรือในปานามา และยังมีบริษัทที่รัฐบาลจีนถือหุ้น แสดงความสนใจจะพัฒนาที่ดินโดยรอบคลองปานามา ในการเปิดประมูลที่จะมีขึ้นในปีนี้ด้วย
คลองปานามา ถือเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าที่สำคัญ และในขณะที่จีนกำลังขยายความร่วมมือด้านการค้าระหว่างประเทศในกรอบความริเริ่ม One Belt One Road การเข้าถึงท่าเรือบริเวณชายฝั่งทางตะวันออกของอเมริกาใต้ และสหรัฐฯ จึงกำลังมีความสำคัญมากขึ้นสำหรับรัฐบาลจีนด้วย
2. ประเทศไทย
สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2525
เศรษฐกิจ
ในปี 2558 ไทยและปานามามีมูลค่าการค้า 333.76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 14.55 ซึ่งการค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2556 แต่ยังไม่ถึงระดับมูลค่าการค้าที่ไทยและปานามาเคยทำไว้เมื่อปี 2555 ที่ 438.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในปี 2558 ไทยส่งออก 252.66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 81.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยได้ดุลการค้าจากปานามา 171.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้ดุลการค้าจากปานามา มาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2555 สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2) เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ 3) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 4) เครื่องนุ่งห่ม 5) คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้านำเข้าจากปานามา 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1) เรือและสิ่งก่อสร้างลอยน้ำ 2) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 3) สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูป กึ่งสำเร็จรูป 4) อาหารสัตว์และผลผลิตจากสัตว์ 5) เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด
ความร่วมมือทางวิชาการ
ไทยให้ทุนฝึกอบรมระยะสั้นประจำปี ทุนการศึกษาระดับปริญญาโทผ่านกรอบความร่วมมือพหุภาคี โดยเฉพาะในกรอบเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา (FEALAC) และองค์กรรัฐอเมริกัน (OAS) ให้แก่ประเทศในลาตินอเมริกาและแคริบเบียนรวมถึงปานามาเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2548 อย่างไรก็ดี ยังมีผู้แทนจากปานามาเข้าร่วมโครงการดังกล่าวไม่มากนัก โดยในระหว่างปี 2554 – 2558 มีชาวปานามาเข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น (AITC) รวม 3 คน และในขณะที่มีผู้แทนจากปานามา รวม 4 คน เข้าร่วมโครงการ บัวแก้วสัมพันธ์ในปี 2548 2549 2553 และ 2554 ในชั้นนี้ ไทยกับปานามายังมีโครงการความร่วมมือทางวิชาการในระดับทวิภาคี อย่างไรก็ดี ไทยสนใจจะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์และการขนส่งจากฝ่ายปานามา เนื่องจากปานามามีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เป็นจุดเชื่อมระหว่างภูมิภาคอเมริกากลางกับอเมริกาใต้และมีคลองปานามาเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้ปานามาเป็นศูนย์กลางการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ ขณะที่ฝ่ายปานามาแสดงความสนใจจะเรียนรู้จากไทยในสาขาสาธารณสุข การเกษตร การศึกษา การท่องเที่ยวและหัตถกรรม ในด้านการศึกษา ปัจจุบัน มีการจัดตั้ง Thai Corner ที่มหาวิทยาลัยปานามา (Universidad de Panama) ในกรุงปานามา